ผมจอดรถเครื่อง ที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง เป็นบ้านปูนก่อฉาบชั้นเดียวหลังคาทรงตรงแบบง่ายๆ หลังเก่าหลังเดิมกับที่ผมเคยมาครั้งล่าสุดเมื่อ 5 ปีก่อน บ้านของไอ้นก ชายหนุ่ม เมียหนึ่ง ลูกหนึ่งชาวเกาะสีบ่อยา หน้าตาคมคายหล่อเหลา มันนั่งอยู่หน้าบ้าน หันมองมาทางผม
ทำสีหน้าสงสัย ต่อรถเครื่องคันที่ไม่เคยเห็น มือที่ถือมีดพร้ากำลังเหลาอะไรบางอย่างก็หยุดคาในท่าเดิมที่กำลังเหลาอยู่ มีผู้หญิงสองคนกำลังยืนช่วยกันเหมือนทอดอะไรบางอย่างในกะทะใบย่อม ๆ ที่วางอยุ่บนเตาถ่านที่มีขาตั้งเหล็กสามขา สูงขนาดถึงขาอ่อน คนที่จับตะหลิวทอด ผมจำได้อย่างสนิทว่า คือสาวจิเมียคนสวยของไอ้นกเอง ดูภาพรวมก้อพอรู้ว่า กำลังเป็นแม่ค้า ทอดอะไรขายกันไปแล้วส่วนสาวสวยอีกคนที่กำลังยืนมองผมอยู่นั้น ผมไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนผมค่อยๆถอดหมวกนิรภัยแบบปิดคางออก และวางลงครอบที่กระจกมองหลัง "อ้าาาว! น้านวน นึกว่าใคร" เสียงไอ้นกร้องทักขึ้นด้วยเสียงอันดัง "สูน(หาย)ไปไหนเสียนาน ไม่เห็นมาตกปลาพงนานแล้วอ่า" "เออ...เรากะสงสัยว่าใครที่มาใส่หมวกมิดชิดแลไม่รุ้จักเลย" สาวจิเมียไอ้นกก็เสริมขึ้นบ้างผมยิ้มให้ทุกคนและเดินเข้าไปที่หน้าบ้าน ที่มีพื้นเป็นดิน ซึ่งต่อออกมาจากตัวบ้านแบบหยาบๆด้วยเสาไม้สามเสา เครื่องบนเป็นไม้กลมขนาดเท่า ๆ ข้อแขน แต่มุงด้วยกระเบื้อง กว้างสักราว ๆ เจ็ดเมตร "เดียวนี้เป็นแม่ค้ากันแล้วเหอ" ผมหยุดยืนที่เสากลาง และทักทายด้วยคำถาม เมื่อเห็นชัดว่าในกะทะที่น้ำมันกำลังเดือดนั้น เป็นขนมทอด และในถาดที่ทอดเสร็จแล้วนั้น มีทั้ง กล้วย,มัน,และฟักทอง ดูเหลืองกรอบน่ากิน สาวจิ เป็นคนพูดน้อย แต่ก็มีน้ำใจดีเหมือนที่ผมยังจำได้มาตลอดหลายปี ชวนผมให้กินขนมทอด"กะทำเพ้อ(เรื่อย)แหละน้านวนเอ้อ" สาวจิ ตอบพลางมือก็ควานคว้าหาจานส่งให้สาวอีกคนที่ยืนหยิบนั่นทำนี่อยู่ใกล้ และบอกให้หยิบขนมใส่จานให้ผมในขนะที่ผมก็เดินเข้าไปหาไอ้นก ซึ่งไอ้นกเองปากก็พูดนั่นถามนี่ผมไปพลาง ก็ลุกขึ้นไปนั่งบนหลา(แคร่)ไม้ไผ่ที่มีหลังคามุงด้วยใบจาก ซึ่งทำต่อจากหลังคากระเบื้องไปอีกทอดนึงผมปลดคันเบ็ดที่สะพายบ่า และเอาแขวนใว้กับตะปูที่ตอกติดเสาไม้กลมซึ่งเป็นเสาของหลาไม้ไผ่นั่นเอาใว้ ผมนั่งลงบนหลา ปากก็พูดคุย สอบถามสารทุกข์สุกดิบกับไอ้นกไปเรื่อย "เอาคะบัง" แล้วขนมจานนั้นก็ถูกส่งยื่นมาให้ด้วยมือเรียวสวยที่มีสีผิวของมือนั้นดูกร้าน ๆ สักหน่อย ตามธรรมชาติของคนบ้าน ๆ และจิตใจผมเองก็มักยินยอมพ่ายแพ้ให้กับความงามที่เป็นธรรมชาติอยู่เสมอ "แม่ม่าย" ไอ้นกเอียงคอมากระซิบบอก ทำสีหน้ากระหยิ่มยิ้มมีเลสนัย ตามนิสัย เมื่อสาวสวยเดินกลับไปที่เดิมของเธอแล้ว "หา" ผมส่งเสียงร้อง ห๊า เพื่อกลบเกลื่อนความคิดตัวเอง ผมเดาว่า มันคงกำลังประเมินอยุ่ว่าผมคิดอะไร "แม่ม่าย" ไอ้นกย้ำต่อ "นิกา(แต่งงาน) ผัวมันเป็นขี้ยา ติดงอมแงม ทนอยู่ได้เจ็ดแปดเดือนก็เลิก ป้ะกับม้ะ (พ่อกับแม่) มันไปรับกลับมาจากเหนือคลอง เนี่ย! มาช่วยขายหนมอยู่สักสามเดือนแล้วแหละ" มันสาธยายต่อ ผมก้อนั่งพยักหน้าหงึก ๆ อือไปเรื่อย ๆ "ชื่อสร แล้วน้านวนยังเป็นม่ายอยู่เหลยม่าย (อยุ่อีกมั้ย) ได้เมียแล้วม่าย ม่ายที(ยังเลย)ไม่อยากมีแล้ว" ผมอธิบายอีกยาว ๆ "คนนี้น่ารัก นิสัยดี" มันพูดเชียร์พลาง ปากก็เคี้ยวมันทอดกร้วม ๆ ผมก็หยิบฟักทองมากัดเคี้ยวบ้าง "กูไม่อยากให้ใครมาตัดมาขลิปของกูแหละ" "อ้าหล่าาาาา น้านวนคิดไปถึงนู้นุ้(โน่นแน่) เอ้อ" "นี่มันกรอบนอกนุ่นในหวานมันกลมกล่อมหรอย(อร่อย)ดี" ผมพูดเสียงดังขึ้นกว่าเดิม และหันไปทางคนทอด เพื่อให้รู้ว่าชมไอ้นกได้เข้าไปค้นหาชุดอุปกรณ์ปลายสายมาให้ผมจากข้างในบ้าน เมื่อผมร้องขอ หลังจากนั่งคุยกันเป็นชั่วโมง และทั้งสองผัวเมียได้จัดหาข้าวปลา และกาแฟให้ผมกินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งผมเองก็ช่วยทำน้ำชุบ (น้ำพริก) ถ้วยนึงและนั่งกินพร้อมกันทั้งสี่คนในเวลาบ่ายสอง "อ๊าย..น้ำชุบน้านวนหรอยแรง" สองผัวเมียชมขึ้นพร้อมกันเมื่อกินผักจิ้มน้ำพริกฝีมือผม "ไม่มีสลิงน้านวน" "ไม่ปรือ (ไม่เป็นไร)" ผมตอบ "เอ็นนี่ก็น่าจะพอแก้ขัดได้"