ความแตกต่างระหว่างคันกราไฟท์กับคันไฟเบอร์กล๊าส

 ในปัจจุบันนักตกปลาหน้าใหม่เกิดขึ้นมากมาย เนื่องจากการเข้าถึงอุปกรณ์ตกปลาง่ายขึ้น และมีราคาถูกลง แต่ก็ยังมีข้อถกเถียงกันอยู่ในเรื่องของวัสดุที่ใช้ทำคันเบ็ด ซึ่งก็มีหลากหลายชิด แต่ที่นิยมและเห็นกันอยู่ทั่วไปในท้องตลาดและมือของนักตกปลา ก็จะมีอยู่ 2 ชนิด

คือคันที่ผลิตจากกราไฟท์ และคันที่ผลิตจากไฟเบอร์ ซึ่งคันทั้ง 2 แบบนี้ก็ยังมีข้อถกเถียงถึงข้อดีข้อเสียกันอยู่ วันนี้เรามาดูว่าคันทั้ง 2 ชนิดนี้มันมีความแตกต่างกันอย่างไร

ความแตกต่างของคันทั้ง 2 ชนิดนี้ จากการรวบรวมข้อมูลมาจากแหล่งต่าง ๆ น่าจะพอสรุปได้ 6 หัวข้อครับ

1. วิธีการผลิตหรือเทคโนโลยีการผลิตหรือออกแบบ

     เมื่อเรามองเห็นหรือจับถือคันเบ็ด 2 ชนิดนี้ เราจะรู้สึกถึงความแตกต่างในรูปร่างและขนาดเลยนะครับ คันที่ผลิตจากกราไฟท์จะมีน้ำหนักที่เบากว่าและมีขนาดเล็กเพรียวกว่าคันไฟเบอร์กล๊าส อย่างเห็นได้ชัด อันเป็นผลมาจากการสร้างคันไฟเบอร์กล๊าสที่ต้องใช้ความหนาของคันมาช่วยในเรื่องความแข็งแรง ส่วนคันกราไฟท์นั้นก็จะมีเนื้อแบล้งค์ที่บางกว่าเนื่องจากวัสดุดีความแข็งแรงอยู่แล้ว ซึ่งตรงนี้ก็จะมีความได้เปรียบเสียเปรียบกันในเรื่องของความเหนียว คันไฟเบอร์ก็จะได้เปรียบคันกราไฟท์ซึ่งแม้จะมีความแข็งแรงแต่วัสดุกราไฟท์ก็มีจุดอ่อนตรงที่เปราะและหักง่ายกว่า

2. เซนซิทีฟ หรือการตอบสนองของคัน

    สำหรับเรื่องเวนซิทีฟหรือการตอบสนอง หรือความไวของคันนั้น คันกราไฟท์ได้เปรียบคันไฟเบอร์กล๊าสอย่างเห็นได้ชัดและเป็นความแตกต่างที่ชัดเจนมาก และข้อได้เปรียบตรงนี้ก็เป็นประโยชน์กับนักตกปลาเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการรับรู้เมื่อปลาเข้ากินเหยื่อทำให้สามารถวัดปลาได้เร็วขึ้น แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันจะดีกว่าเสมอไปนะครับ การที่คันมีความไวเกินไปทำให้บางครั้งเราอาจเสียโอกาสที่จะได้ตัวปลาเนื่องจากปลาบางชนิดการกินเหยื่อนั้นไม่ได้กัดกินที่ตัวเบ็ดโดยตรงอาจมีการเล็มเหยื่อหรือกัดแล้วคาบว่ายออกไปก่อนแล้วจึงกลืนเหยื่อ ถ้าหากใช้คันที่มีเซนซิทีฟที่มากไปก็อาจจะทำให้เราวัดคันเบ็ดก่อนที่ตัวเบ็ดจะเข้าปากปลา ซึ่งในกรณีแบบนี้คันไฟเบอร์กลาสจะได้เปรียบกว่า

3. น้ำหนัก

      หลายท่านอาจจะบอกว่าคันไฟเบอร์กลาสนั้นหนักมากกว่าคันกราไฟท์ ซึ่งก็เป็นความจริง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะหนักมากกว่ากันจนเกินไป  คันไฟเบอร์เกรดดี ๆ มีน้ำหนักใกล้เคียงคันกราไฟท์ก็มี ซึ่งก็นั่นแหละ การตกปลาบางชนิดเราก็ไม่ได้ถือคันเบ็ดไว้ตลอดไป น้ำหนักที่แตกต่างกันเล็กน้อยจึงไม่ถือเป็นอุปสรรคมากนัก การสร้างคันมาให้มีความสมดุลเมื่อประกอบเข้ากับรอกแล้วมากกว่าที่มีความสำคัญ เพราะหากคันไม่สมดูลถึงแม้จะมีน้ำหนักเบาก้ยังทำให้เรามีปัญหาเวลาตกปลา ซึ่งก็มีผลทำให้การเหวี่ยงเหยื่อไปได้ไม่ไกล หรือการหมุนกรอเหยื่อเพื่อล่อปลาก้จะไม่ได้แอ็คชั่นตามที่ต้องการ ปัจจุบันมีหลายบริษัทที่หันมาพัฒนาคันเบ็ดที่ผลิตจากไฟเบอร์กลาสให้มีคุณภาพสูงขึ้นและเบาขึ้นมากกว่าแต่ก่อน เช่น G-Loomis ST Croix เป็นต้น ซึ่งก็ทำให้สามารถสร้างคันไฟเบอร์ที่มีน้ำหนักเบาใกล้เคียงคันกราไฟท์ได้และยังมีความแข็งแรงเช่นเดิม

4. แอ็คชั่น

      เรื่องแอ็คชั่นของคันนั้นก็จะมีให้เลือกหลากหลายเช่นเดียวกันทั้ง 2 แบบ วัสดุทั้งสองชนิดมี Moderate ACtion ได้ตั้งแต่ Moderate ACtion Fast จนถึง Moderate ACtion Slow เช่นเดียวกัน เพียงแต่มีข้อแตกต่างกันคือการคืนตัว ซึ่งคันไฟเบอร์กล๊าสจะมีการคืนตัวช้ากว่าคันกราไฟท์ ซึ่งนั่นก็เป็นข้อได้เปรียบเสียเปรียบของวัสดุทั้งสองชนิดด้วย คันไฟเบอร์กล๊าสจะมีการแกว่งตัวมากกว่าทำให้เวลาตีเหยื่อมักจะมีปัญหาสำหรับมือใหม่ที่จะตีเหยื่อให้ตรงเป้าหมาย แต่หากเป็นคันกราไฟท์ปัญหานี้ก็จะลดลงไป แต่คันไฟเบอร์กลาสก็จะมีข้อได้เปรียบเรื่องการซับแรงเมื่อเวลาเราอัดปลา และมันจะรับแรงกระชากได้ดีกว่าคันกราไฟท์ทำให้คันเบ็ดกลับมาอยู่ในจุดสมดุลได้เร็วกว่า

5. การใช้งาน

      แน่นอนว่าการใช้งานคันเบ็ดแต่ละประเภทให้ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ของผู้ผลิตคัน ย่อมที่จะมีโอกาสได้ปลามากกว่า แล้วคันไฟเบอร์กล๊าส เหมาะกับงานประเภทไหน หลายท่านอาจถามแบบนี้ คันไฟเบอร์กลาสมีช่วงใช้งานที่กว้างมาก แต่ที่เหมาะสมก็คือการใช้งานกับเหยื่อปลอมประเภท Crankbiats Spinnerbaits Suspending Jerkbaits มากที่สุด ทั้งนี้ก็อยู่ที่นักตกปลาว่าชอบแบบไหนเละจะเลือกใช้อะไรครับ

6. ความเหนียว ความทนทาน

     หลายครั้งเราจะเห็นคันกราไฟท์คุณภาพสูงหักในขณะต่อสู้กับปลา นั่นก็เพราะคันกราไฟท์มีความเปราะ หากใช้ไม่ถูกวิธี ก็จะหักได้ ถึงแม้จะเป็นคันที่แพงขนาดไหนก็ตาม ส่วนคันไฟเบอร์นั้นจะได้เปรียบตรงเรื่องของความเหนียวกว่านั่นเองแต่ก็ต้องแลกมาด้วยน้ำหนักที่มากกว่า

สุดท้ายก็ขอฝากนักตกปลาทุกท่านนะครับ การตกปลาเป็นเกมกีฬาที่สนุกตื่นเต้น เร้าใจ คนที่เข้ามาในวงการนี้แล้วมักจะออกไปยาก แต่สิ่งหนึ่งที่อยากฝากสำหรับเพื่อน ๆนักตกปลาก็คือการเข้าไปตกปลาตามหมายต่าง ๆไม่ว่าจะเป็นหมายธรรมชาติหรือบ่อตกสิ่งที่ควรคำนึงคือการรักษาความสะอาดและไม่ทำลายธรรมชาติ ไม่จับปลามากจนเกินความต้องการ หรือการไม่นำปลาจากถิ่นอื่นมาปล่อยในแหล่งน้ำที่เขาไม่เคยอยู่เพียงเพื่อหวังให้เขาแพร่พันธุ์ให้มีปลาชนิดนั้นให้ตกในแหล่งนั้น เนื่องจากการกระทำเช่นนั้นอาจเป็นการทำลายระบบนิเวศน์โดยไม่รู้ตัว สุดท้ายนี้ก็ขออวยพรให้ทุกท่านที่ออกหมายแต่ละครั้งได้ปลากันทุกคนครับ สวัสดีครับ